การตั้งค่าเพื่อการคำนวณค่าจ้าง

สร้างโดย Abhisak Ummala, แก้ไขเมื่อ วันพุธ, 23 กรกฎาคม เมื่อ 3:45 PM โดย Abhisak Ummala

สำหรับการตั้งค่าเพื่อคำนวณค่าจ้างนั้น จะมีทั้งหมดสองวิธีสำหรับใช้เพื่อพิจารณาจำนวนวันในหนึ่งเดือนสำหรับกรณีที่ใช้เพื่อการคำนวณเงินเดือน โดยในแต่ละวิธีนั้นจะตอบจุดมุ่งหมายที่มีความแตกต่างกันออกไป:




1.      จำนวนวันในหนึ่งเดือนสำหรับใช้เพื่อคำนวณค่าจ้างรายวัน 


การตั้งค่านี้จะนำมาใช้เพื่อกำหนดว่าจะจะแบ่งจำนวนค่าจ้างรายเดือนเป็นจำนวนค่าจ้างรายวันอย่างไรในกรณีปกติ ตัวอย่างเช่น การคำนวณฐานเงืนเดือน หรือ การหักลาไม่รับเงิน 


สามตัวอย่างด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานสำหรับอัตราค่าจ้างรายวันที่แตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีของ "จำนวนวันในหนึ่งเดือน" (Days in Month) ที่คุณได้เลือก:

 

ตัวอย่างที่ 1: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนวันตามปฏิทิน" (Based on Calendar Days)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ถูกตั้งค่าไว้เป็นแบบจำนวนวันตามปฏิทิน (เช่น 31 วัน สำหรับเดือน มกราคม):

 

ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันตามปฏิทินในเดือนนั้นๆ

           = 30,000 ÷ 31 บาท

           = 967.74 บาทต่อวัน

 

 

ตัวอย่างที่ 2: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนวันที่ทำงานจริง" (Based on Working Days)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ถูกตั้งค่าไว้เป็นแบบจำนวนวันที่ทำงานจริง (เช่น จำนวนวันทำงาน คือ 23 วัน สำหรับเดือนมกราคม):

 

ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันที่ทำงานจริงในเดือนนั้นๆ

           = 30,000 ÷ 23 บาท

           = 1,304.35 บาทต่อวัน


 

ตัวอย่างที่ 3: "จำนวนวันแบบคงที่" (Fixed Amount) (เช่น 30 วัน)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ถูกตั้งค่าไว้เป็นจำนวนแบบคงที่ 30 วัน:

 

ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันแบบคงที่

           = 30,000 ÷ 30 บาท

           = 1,000 บาทต้อวัน

 

 

2.      จำนวนวันในหนึ่งเดือนสำหรับการคำนวณค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน

 

การตั้งค่านี้จะนำมาใช้เพื่อกำหนดจำนวนวันที่ถูกใช้เพื่อคำนวณเงินตามตามอัตราส่วนสำหรับพนักงานที่ทำงานไม่เต็มเดือน ตัวอย่างเช่น กรณีที่พนักงานเริ่มงานและออกจากงานในตอนกลางเดือน 

 

จำนวนวันที่เลือก (เช่น จำนวนวันตามปฏิทิน, จำนวนที่ทำงานจริง, หรือ จำนวนแบบคงที่) ถูกใช้เพื่อกำหนดว่าเงินเดือนของพนักงานควรจะรับเท่าใดโดยบนพื้นฐานของจำนวนวันทำงานที่แท้จริง

 

สามตัวอย่างด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานสำหรับอัตราค่าจ้างจ่ายตามสัดส่วนที่แตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีของ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ที่คุณได้เลือก:


ตัวอย่างที่ 1: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนวันตามปฏิทิน" (Based on Calendar Days)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ถูกตั้งค่าไว้เป็นแบบจำนวนวันตามปฏิทิน (เช่น 31 วัน สำหรับเดือน มกราคม):


พนักงานเริ่มงาน: 20 มกราคม

 

จำนวนวันที่ทำงานจริง: 12 วัน (นับจากวันที่ 20th ถึงวันที่ 31st)

 

ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันตามปฏิทินในเดือนนั้นๆ

           = 30,000 ÷ 31 บาท

           = 967.74 บาทต่อวัน 

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = ค่าจ้างรายวัน × จำนวนวันทำงานที่แท้จริง

                       = 967.74 × 12 บาท

                       = 11,612.88 บาท

 

ตัวอย่างที่ 2: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนวันทำงานจริง" (Based on Working Days)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ จำนวนวันในหนึ่งเดือน "Days in Month" ถูกตั้งค่าไว้เป็นแบบจำนวนวันที่ทำงานจริง (เช่น วันที่ทำงานจริงในเดือนมกราคม คือ 23 วัน นับวันทำงานวันจันทร์–ศุกร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ด้วย):

 

พนักงานเริ่มงาน: 20 มกราคม

 

จำนวนวันทำงานที่แท้จริง: 10 วันทำงาน (นับจากวันที่ 20 to 31 ไม่นับรวมวันหยุดเสาร์-อาทิตย์)



ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันทำงานในหนึ่งเดือน

           = 30,000 บาท ÷ 23 วัน

           = 1,304.35 บาทต่อวัน 

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = ค่าจ้างรายวัน × จำนวนวันทำงานที่แท้จริง 

                        = 1,304.35 บาท × 10 วัน

                        = 13,043.50 บาท

 

ตัวอย่างที่ 3: "จำนวนแบบคงที่" (Fixed Amount) (เช่น 30 วัน)


หากเงินเดือน คือ 30,000 บาท และ "จำนวนวันในหนึ่งเดือน" (Days in Month) ถูกตั้งค่าไว้เป็นแบบคงที่ จำนวน 30 days:

 

พนักงานเริ่มงาน: 20 มกราคม

 

จำนวนวันที่ทำงานจริง: 12 วัน (นับจากวันที่ 20 - 31)

 

ค่าจ้างรายวัน = เงินเดือน ÷ จำนวนวันแบบคงที่

           = 30,000 บาท ÷ 30 วัน

           = 1,000 บาทต่อวัน

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = ค่าจ้างรายวัน × จำนวนวันที่ทำงานจริง

                        = 1,000 บาท × 12 วัน

                        = 12,000 บาท

 


วิธีประยุกต์ใช้กับวิธีนี้กับเงินเดือนสำหรับเดือน กุมภาพันธ์:

 

สามตัวอย่างด้านล่างนี้อยู่บนพื้นฐานวิธีการของ "จำนวนวันในหนึ่งเดือน" (Days in Month) ที่แตกต่างกันไป โดยใช้การคาดการณ์ตาม:

 

ตัวอย่างที่ 1: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนวันตามปฏิทิน" (Based on Calendar Days)

  • วันในเดือนกุมภาพันธ์: 28 วัน
  • จำนวนวันทำงานที่แท้จริงตามปฏิทิน: 19 วัน

 

ค่าจ้างรายวัน = 30,000 บาท ÷ 28 วัน = 1,071.43 บาทต่อวัน 

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = 1,071.43 บาท × 19 วัน = 20,357.14 บาท

 

ตัวอย่างที่ 2: "อยู่บนพื้นฐานของจำนวนที่วันทำงานจริง" (Based on Working Days)

  • จำนวนวันในเดือนกุมภาพันธ์ 2568: 20 วัน (จันทร์–ศุกร์)
  • จำนวนวันทำงานที่แท้จริง นับจากวันที่ 10–28 กุมภาพันธ์: จำนวน 15 วัน

 

ค่าจ้างรายวัน = 30,000 บาท ÷ 20 วัน = 1,500.00 บาทต่อวัน 

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = 1,500.00 บาท × 15 วัน = 22,500.00 บาท

 

ตัวอย่างที่ 3: "จำนวนแบบคงที่" (Fixed Amount) (เช่น 30 วัน)

  • จำนวนแบบคงที่: 30 วัน
  • จำนวนวันทำงานที่แท้จริงตามปฏิทิน: 19 วัน

 

ค่าจ้างรายวัน = 30,000 บาท ÷ 30 วัน = 1,000.00 บาทต่อวัน

 

ค่าจ้างแบบไม่เต็มเดือน = 1,000.00 บาท × 19 วัน = 19,000.00 บาท

 

คุณสามารถประยุกต์ใช้ "การตั้งค่าเพื่อคำนวณค่าจ้างรายวัน" (Wages Calculation Settings) ให้กับ "กลุ่มของพนักงาน" (Employee Groups) ที่เฉพาะเจาะจง โดยให้แต่ละกลุ่มพนักงานปฏิบัติตามกฎการคำนวณเงินเดือนที่แตกต่างกันออกไป โดยอยู่บนพื้นฐานของบทบาท, สัญญาจ้าง หรือ โครงสร้างการจ่าย


หมายเหตุ: แต่ละ "กลุ่มพนักงาน" (Employee Group) สามารถถูกมอบหมายไว้ภายใต้ "การตั้งค่าเพื่อการคำนวณค่าจ้าง" (Wages Calculation Setting) เพียงอันใดอันหนึ่งต่อครั้งเท่านั้น


Example:




บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?

เยี่ยมเลย!

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

ขออภัยที่เราช่วยเหลือไม่ได้!

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

บอกให้เราทราบว่าเราจะปรับปรุงบทความนี้ได้อย่างไร!

เลือกเหตุผลอย่างน้อยหนึ่งข้อ
ต้องมีการตรวจสอบ CAPTCHA

ส่งข้อเสนอแนะแล้ว

เราขอขอบคุณในความพยายามของคุณ และจะพยายามแก้ไขบทความดังกล่าว